โรคหลอดเลือดสมอง คือภาวะที่สมองขาดเลือดและออกซิเจนอย่างเฉียบพลัน ทำให้เนื้อเยื่อสมองบางส่วนเสียหายในระยะเวลาอันสั้น หากเปรียบเทียบกับถนนในเมืองใหญ่ที่มีรถวิ่งเต็มไปหมด หลอดเลือดในสมองก็เปรียบเสมือนเส้นทางที่เลือดไหลเวียนนำสารอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง แต่เมื่อเกิดการอุดตันหรือแตกของหลอดเลือด เส้นทางเหล่านี้ก็จะถูกขัดขวางหรือปิดตาย ทำให้เซลล์สมองที่ต้องพึ่งพาเลือดจากหลอดเลือดเหล่านี้ขาดสารอาหารและพลังงานที่จำเป็น
สาเหตุของสมองขาดเลือดมี 2 สาเหตุหลัก คือ
- โรคหลอดเลือดสมองตีบ ตัน (Ischemic Stroke)
เกิดจากการที่หลอดเลือดสมองตีบแคบหรือตันเนื่องจากคราบไขมันหรือก้อนลิ่มเลือดอุดตัน ทำให้เลือดไม่สามารถไหลไปยังสมองได้อย่างเพียงพอ ส่งผลให้เซลล์สมองบริเวณนั้นขาดออกซิเจนและสารอาหาร จนเริ่มตาย หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันทีทันใด อาจทำให้สมองส่วนที่ถูกอุดตันเสียหายและเกิดผลกระทบต่อการทำงานของร่างกาย
- โรคหลอดเลือดสมองแตก (Hemorrhagic Stroke)
เกิดจากหลอดเลือดในสมองแตกหรือรั่ว ทำให้เลือดไหลออกมาสะสมในสมอง ก่อให้เกิดแรงดันภายในสมองที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้สมองถูกกดและเสียหาย โรคนี้มักเกิดจากความดันโลหิตสูงหรือความผิดปกติของหลอดเลือด ทำให้การควบคุมและการทำงานของร่างกายหยุดชะงักอย่างฉับพลัน
โรคหลอดเลือดสมองไม่ใช่เพียงปัญหาที่เกิดขึ้นเฉพาะในผู้สูงอายุเท่านั้น ปัจจัยเสี่ยง เช่น ความดันโลหิตสูง, การสูบบุหรี่, การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป และการใช้ชีวิตที่ไม่สมดุล ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้คนทุกวัยเผชิญกับโรคนี้ได้ การเข้าใจอาการเบื้องต้น เช่น ปากเบี้ยว แขนขาอ่อนแรง พูดไม่ชัดเจน หรือปวดศีรษะรุนแรงทันที จึงเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันการเกิดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นได้
อาการของโรคหลอดเลือดสมองที่ควรรู้
อาการของสโตรกสามารถแสดงออกได้หลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับส่วนของสมองที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งอาการเหล่านี้มักปรากฏขึ้นอย่างฉับพลันและต้องสังเกตอย่างรวดเร็ว เพราะทุกวินาทีที่ผ่านไปสามารถทำให้สมองได้รับความเสียหายมากขึ้น
- ใบหน้า แขน ขา ชาหรืออ่อนแรง
ผู้ที่เกิดภาวะสโตรกมักจะรู้สึกว่าบางส่วนของร่างกาย เช่น ใบหน้า แขน หรือขา มีอาการชาหรืออ่อนแรง โดยเฉพาะที่เกิดขึ้นด้านใดด้านหนึ่งของร่างกาย อาจสังเกตได้จากการยกแขนทั้งสองข้างขึ้น หากมีข้างหนึ่งตกลงโดยไม่สามารถควบคุมได้ หรือใบหน้าข้างหนึ่งหย่อนคล้อยเป็นสัญญาณสำคัญที่บ่งบอกว่าอาจมีปัญหาทางสมอง
- พูดไม่ชัด หรือพูดลำบาก
เมื่อสมองส่วนที่ควบคุมการพูดถูกขัดขวาง จะมีปัญหาในด้านการออกเสียง ทำให้การพูดไม่ชัดเจน หรือมีความสับสนในการใช้คำพูด บางครั้งอาจไม่สามารถพูดออกมาได้เลย หรือพูดออกมาแต่คำไม่สัมพันธ์กับที่ต้องการสื่อสาร ซึ่งเป็นอาการที่ชัดเจนและควรได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน
- ผิดปกติในการมองเห็น
อาการมองเห็นเบลอ เห็นภาพซ้อน หรือการมองเห็นบางส่วนของภาพหายไป อาจเป็นสัญญาณที่เกิดจากสมองซีกใดซีกหนึ่งที่ทำหน้าที่ควบคุมการมองเห็นถูกกระทบ บางคนอาจมองเห็นเพียงครึ่งหนึ่งของภาพ หรืออาจมองไม่เห็นอะไรเลยชั่วคราว
- วิงเวียนศีรษะ สูญเสียการทรงตัว
สมองเป็นศูนย์กลางในการควบคุมการทรงตัวและการประสานงานของร่างกาย หากสมองส่วนนี้ถูกทำลาย อาจสูญเสียความสามารถในการยืนหรือนั่งอย่างมั่นคง มีอาการเวียนหัวอย่างฉับพลัน เดินเซ หรือมีความรู้สึกว่าตนเองสูญเสียการควบคุมร่างกายไปชั่วขณะ
- ปวดศีรษะอย่างรุนแรงแบบไม่เคยเป็นมาก่อน
บางคนอาจมีอาการปวดศีรษะฉับพลันอย่างรุนแรง โดยที่ไม่เคยมีประวัติปวดศีรษะมาก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากเส้นเลือดในสมองแตก หรือมีการอุดตันของเส้นเลือดในสมอง อาการปวดศีรษะแบบนี้มักมาพร้อมกับอาการคลื่นไส้หรืออาเจียนอย่างรุนแรง
แม้ปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมองจะมีหลายประการ แต่การทำความเข้าใจปัจจัยเหล่านี้ จะช่วยให้เราป้องกันโรคนี้ได้ดียิ่งขึ้น
ปัจจัยเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองที่ควรรู้
- ความดันโลหิตสูง
ความดันโลหิตสูง เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุดสำหรับโรคหลอดเลือดสมอง เมื่อความดันในหลอดเลือดสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลอดเลือดสมองจะเกิดความเสียหาย อาจนำไปสู่การอุดตันหรือแตกได้ นอกจากนั้น ความดันโลหิตที่ไม่สมดุลอาจทำให้สมองได้รับเลือดไม่เพียงพอเป็นเวลานาน ก่อให้เกิดภาวะ ischemic stroke ได้
- โรคเบาหวาน
ผู้ที่มีโรคเบาหวาน มีโอกาสเกิดโรคหลอดเลือดสมองมากขึ้น เนื่องจากน้ำตาลในเลือดที่สูงเกินไปสามารถทำลายหลอดเลือด และทำให้เกิดคราบไขมันสะสมในหลอดเลือด และการอุดตันของหลอดเลือดที่นำเลือดไปเลี้ยงสมองอาจเกิดขึ้นได้ง่าย ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของ ischemic stroke
- โรคหัวใจ
การเต้นของหัวใจที่ผิดปกติ อาจทำให้เกิดลิ่มเลือดในหัวใจ ซึ่งลิ่มเลือดนี้สามารถเคลื่อนไปยังสมองและทำให้เกิดการอุดตันของหลอดเลือดได้ ปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจ เช่น โรคหัวใจขาดเลือด ก็เพิ่มโอกาสในการเกิดโรคหลอดเลือดสมองได้เช่นกัน
- การสูบบุหรี่และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
สารพิษในควันบุหรี่ทำให้หลอดเลือดเสียหาย และลดความยืดหยุ่นของผนังหลอดเลือด ทำให้เลือดหนืดขึ้นและเกิดการอุดตันได้ง่ายขึ้น อีกทั้งสารพิษเหล่านี้ยังทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น เป็นปัจจัยร่วมที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง รวมถึงการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากอย่างต่อเนื่อง ก็จะส่งผลกระทบต่อความดันโลหิต ทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูงและความเสียหายของหลอดเลือดที่นำไปสู่โรคหลอดเลือดสมอง การดื่มแอลกอฮอล์ยังสามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเกิด stroke
- ไขมันในเลือดสูง
ระดับคอเลสเตอรอลที่สูงในเลือด โดยเฉพาะ LDL สามารถทำให้เกิดคราบไขมันสะสมในผนังหลอดเลือด ซึ่งการสะสมนี้อาจทำให้หลอดเลือดตีบตัน เลือดไม่สามารถไหลเวียนได้อย่างปกติไปยังสมอง ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองจากการขาดเลือดได้
- น้ำหนักเกินและโรคอ้วน
โรคอ้วนทำให้เกิดการสะสมของไขมันในร่างกาย และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือดหลายประเภท เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูง การสะสมของไขมันทำให้หลอดเลือดตีบตันได้ง่าย ส่งผลให้เกิดโรคหลอดเลือดสมอง
- พันธุกรรมและประวัติครอบครัว
หากครอบครัวมีประวัติการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง หรือโรคที่เกี่ยวข้องกับหัวใจและหลอดเลือด เช่น โรคความดันโลหิตสูงและเบาหวาน โอกาสที่บุคคลในครอบครัวจะเกิดโรคนี้ก็เพิ่มขึ้น การที่พันธุกรรมมีผลต่อสุขภาพของหลอดเลือดทำให้บางคนเสี่ยงต่อการเกิดโรคมากกว่าผู้อื่น
- ภาวะเครียด
ความเครียดที่สะสมเป็นเวลานานสามารถเพิ่มระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลในร่างกาย ซึ่งฮอร์โมนนี้มีผลต่อการเพิ่มความดันโลหิต นอกจากนี้ ความเครียดยังทำให้คนหันไปใช้พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เช่น การสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมองได้อีกด้วย
การป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) สามารถทำได้โดยปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตและดูแลสุขภาพอย่างเป็นระบบ โดยการป้องกันนี้ไม่เพียงแต่ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพทั่วไปด้วย แนวทางป้องกันที่เน้นความเข้าใจเชิงลึกและเป็นเอกลักษณ์คือการผสมผสานระหว่างการดูแลร่างกายและจิตใจอย่างสมดุล
- ปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร
การเลือกรับประทานอาหารเป็นปัจจัยหลักที่สามารถลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองได้ การเลือกอาหารที่ดีไม่ใช่เพียงแค่การหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง แต่ยังควรเสริมอาหารที่ส่งเสริมสุขภาพหลอดเลือด เช่น
- อาหารที่มีไฟเบอร์สูง
การบริโภคผักผลไม้และธัญพืชไม่ขัดสีจะช่วยลดการสะสมของไขมันในหลอดเลือด และยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลและความดันโลหิต
- กรดไขมันไม่อิ่มตัว
อาหารที่มีกรดไขมันดี เช่น น้ำมันมะกอก ถั่ว ปลา และอะโวคาโด มีส่วนช่วยลดการอักเสบและเพิ่มความยืดหยุ่นของหลอดเลือด
- อาหารที่มีโพแทสเซียมและแมกนีเซียม
ช่วยลดความดันโลหิตและรักษาระดับสมดุลของเกลือแร่ในร่างกาย อาหารที่มีสารอาหารเหล่านี้สูง เช่น กล้วย ผักใบเขียว และเมล็ดพืช
- ควบคุมน้ำหนักและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
น้ำหนักเกินและการขาดการเคลื่อนไหวเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง การรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติและการออกกำลังกายเป็นประจำจะช่วยลดความเสี่ยงนี้ได้ โดยการออกกำลังกายควรเลือกประเภทที่เหมาะกับสภาพร่างกาย เช่น การเดิน การปั่นจักรยาน หรือว่ายน้ำ เป็นเวลาอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน การออกกำลังกายไม่เพียงแต่ช่วยเผาผลาญพลังงาน แต่ยังช่วยให้การทำงานของหัวใจและหลอดเลือดมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ควบคุมความดันโลหิตและระดับน้ำตาลในเลือด
ความดันโลหิตสูงเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่นำไปสู่โรคหลอดเลือดสมอง การลดการบริโภคโซเดียม ซึ่งมักพบในอาหารสำเร็จรูปหรืออาหารแปรรูป จะช่วยควบคุมความดันโลหิตได้ และสำหรับผู้ที่เป็นเบาหวานมีความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองมากกว่าผู้ที่ไม่มีโรคเบาหวาน การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดจึงเป็นสิ่งสำคัญ การเลือกรับประทานอาหารที่มีดัชนีน้ำตาลต่ำ เช่น ผักใบเขียว ธัญพืชไม่ขัดสี และผลไม้สด จะช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ และลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดสมองได้
- เลิกบุหรี่และหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
การสูบบุหรี่ทำให้หลอดเลือดหดตัวและลดการไหลเวียนของเลือด ส่งผลให้ความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดสมองเพิ่มขึ้น การเลิกบุหรี่จึงเป็นสิ่งสำคัญในการลดความเสี่ยง ในส่วนของการดื่มแอลกอฮอล์ ควรจำกัดปริมาณ เพราะแอลกอฮอล์อาจทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นและกระทบต่อการทำงานของหัวใจ
- จัดการความเครียดและสุขภาพจิต
ความเครียดมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง เนื่องจากทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงต่อการอักเสบของหลอดเลือด ดังนั้นการดูแลสุขภาพจิตจึงเป็นส่วนสำคัญในการป้องกันโรคนี้ การฝึกสมาธิ การหากิจกรรมที่ผ่อนคลาย เช่น โยคะ หรือการทำงานอดิเรกที่ชอบ จะช่วยลดระดับความเครียดและส่งผลดีต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด
- การตรวจสุขภาพเป็นประจำ
การตรวจสุขภาพและการทดสอบทางการแพทย์เป็นประจำ เช่น การตรวจระดับคอเลสเตอรอล ความดันโลหิต และระดับน้ำตาลในเลือด จะช่วยตรวจพบความเสี่ยงและป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดสมองได้ตั้งแต่เนิ่นๆ
สารสกัดจากงาดำ เป็นหนึ่งในส่วนผสมธรรมชาติที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างมาก โดยเฉพาะในการลดความเสี่ยงและป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง เนื่องจากงาดำอุดมไปด้วยสารอาหารและสารประกอบทางเคมีที่มีฤทธิ์ทางชีวภาพสูง ช่วยส่งเสริมสุขภาพระบบหัวใจและหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดแข็งแรงและลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองได้ ซึ่งคุณประโยชน์ของสารสกัดจากงาดำสามารถแยกออกได้เป็นดังนี้
- ลดการอักเสบในหลอดเลือด
สารเซซามินในงาดำมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ซึ่งช่วยลดการเกิดคราบไขมันที่สะสมในผนังหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดมีความยืดหยุ่นและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งการลดการอักเสบนี้ช่วยป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดสมองที่มักเกิดจากการอักเสบของเส้นเลือด และนำไปสู่การอุดตันของหลอดเลือด
- ลดระดับคอเลสเตอรอล
สารสกัดจากงาดำช่วยลดระดับไขมันเลว (LDL) ในเลือด ซึ่งเป็นตัวการหลักที่ทำให้เกิดการสะสมไขมันในหลอดเลือด และสามารถเพิ่มระดับไขมันดี (HDL) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการกำจัดไขมันที่สะสมอยู่ในเส้นเลือดออกไป การลดคอเลสเตอรอลจึงเป็นหนึ่งในกลไกที่ช่วยลดความเสี่ยงของการอุดตันในหลอดเลือด และป้องกันโรคหลอดเลือดสมองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- เพิ่มความยืดหยุ่นของผนังหลอดเลือด
สารต้านอนุมูลอิสระในงาดำ เช่น วิตามินอีและสารโพลีฟีนอล ช่วยปกป้องเซลล์ผนังหลอดเลือดจากความเสื่อมสภาพ โดยทำให้ผนังหลอดเลือดมีความยืดหยุ่น ลดความแข็งของหลอดเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุที่สำคัญของโรคหลอดเลือดสมอง เมื่อหลอดเลือดยืดหยุ่นดี การไหลเวียนของเลือดก็จะเป็นไปอย่างราบรื่น ลดความเสี่ยงของการเกิดเส้นเลือดอุดตัน
- ช่วยควบคุมความดันโลหิต
ความดันโลหิตสูงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของโรคหลอดเลือดสมอง สารเซซามินในงาดำช่วยควบคุมระดับความดันโลหิตโดยการขยายหลอดเลือด และเพิ่มประสิทธิภาพการไหลเวียนของเลือด การลดความดันโลหิตช่วยลดความเครียดที่เกิดขึ้นในผนังหลอดเลือด ซึ่งช่วยป้องกันการแตกหรือฉีกขาดของหลอดเลือดในสมอง
- ป้องกันการแข็งตัวของเลือดที่ผิดปกติ
สารสกัดจากงาดำมีส่วนช่วยในการควบคุมการแข็งตัวของเลือด ทำให้เลือดไม่หนืดเกินไป ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดลิ่มเลือดที่อาจทำให้หลอดเลือดสมองอุดตัน การไหลเวียนของเลือดที่เป็นปกติยังช่วยป้องกันความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดสมองที่เกิดจากการอุดตันของลิ่มเลือด
- ลดอนุมูลอิสระในร่างกาย
อนุมูลอิสระเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หลอดเลือดเกิดความเสียหาย นำไปสู่การเสื่อมสภาพของเซลล์ผนังหลอดเลือดและการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง สารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในงาดำ เช่น เซซามิน วิตามินอี และสารฟลาโวนอยด์ ช่วยปกป้องเซลล์จากการทำลายของอนุมูลอิสระ ทำให้หลอดเลือดมีความแข็งแรงมากขึ้น และลดโอกาสของการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง
- เสริมสร้างระบบหลอดเลือดและหัวใจ
การบริโภคสารสกัดจากงาดำยังช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบหลอดเลือดและหัวใจโดยรวม ทำให้หัวใจสามารถสูบฉีดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง
- ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังสมอง
นอกจากการป้องกันการอุดตันของหลอดเลือดแล้ว สารสกัดจากงาดำยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังสมอง ส่งผลให้สมองได้รับออกซิเจนและสารอาหารอย่างเพียงพอ ทำให้ลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะสมองขาดเลือดชั่วคราว หรือภาวะสมองขาดเลือดเต็มรูปแบบ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคหลอดเลือดสมอง
- ช่วยรควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
ระดับน้ำตาลในเลือดสูงก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองได้ สารสกัดจากงาดำช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานของอินซูลินและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ ลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานที่เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญในการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง
การบริโภคสารสกัดจากงาดำอย่างต่อเนื่องเป็นประจำสามารถช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันโรคหลอดเลือดสมองได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการลดการอักเสบ ลดระดับคอเลสเตอรอล ควบคุมความดันโลหิต และเสริมสร้างความแข็งแรงของหลอดเลือด ด้วยคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและการเสริมสร้างระบบหลอดเลือดและหัวใจ สารสกัดจากงาดำจึงเป็นอาหารเสริมที่มีศักยภาพในการป้องกันโรคหลอดเลือดสมองได้อย่างมีประสิทธิภาพ