ภัยจากไขมันในเลือดสูง

ไขมันในเลือดสูง ไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่คือภัยเงียบที่ทำลายสุขภาพทั้งชีวิต
คุณอาจเคยได้ยินคำว่า “ไขมันในเลือดสูง” มานับครั้งไม่ถ้วน แต่อาจไม่รู้ว่าภาวะนี้คือหนึ่งใน “ภัยเงียบ” ที่ค่อยๆ ทำลายร่างกายโดยไม่ปรากฏอาการใดๆ เลยในระยะแรก ร่างกายของเราต้องการไขมันในระดับที่เหมาะสมเพื่อใช้ในการสร้างเซลล์และผลิตพลังงาน แต่เมื่อมีไขมันบางชนิดในเลือดมากเกินไป โดยเฉพาะไขมันเลว (LDL) และไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) ซึ่งไม่เพียงแค่สะสมอยู่เฉยๆ แต่จะเริ่มกัดกร่อนหลอดเลือดแบบช้าๆ ค่อยๆ เปลี่ยนหลอดเลือดให้แข็ง ตีบ และสุดท้ายอุดตัน

โรคหัวใจขาดเลือด อัมพฤกษ์ อัมพาต หรือแม้แต่เสียชีวิตกะทันหัน ล้วนมีจุดเริ่มต้นจากระดับไขมันในเลือดที่ไม่สมดุล เพราะฉะนั้นอย่ามองข้ามแค่ “ตัวเลขในผลตรวจเลือด” เพราะอาจสะท้อนถึงอนาคตของสุขภาพคุณทั้งชีวิต

ความหมายของภาวะไขมันในเลือดสูง
ไขมันในเลือดสูง (Hyperlipidemia) คือภาวะที่มีระดับไขมันในกระแสเลือดสูงเกินค่ามาตรฐาน ซึ่งไขมันในเลือดที่วัดกันทั่วไปนั้นประกอบด้วยหลายชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง

โดยปกติ ไขมันเหล่านี้ต้องมีสมดุลกัน หากไขมันเลวและไตรกลีเซอไรด์สูง ในขณะที่ไขมันดีต่ำ จะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดและหัวใจอย่างมาก

ภาวะไขมันในเลือดสูงมักไม่แสดงอาการใดๆ ในช่วงแรก ทำให้หลายคนไม่รู้ตัวจนกว่าจะมีอาการรุนแรง เช่น หัวใจวายหรือเส้นเลือดในสมองตีบ นี่คือเหตุผลว่าทำไมการตรวจเลือดประจำปีจึงสำคัญมาก

ทำไมไขมันในเลือดสูงถึงอันตราย
ภาวะไขมันในเลือดสูงเป็นภัยที่ซ่อนตัวอยู่ภายในร่างกาย โดยไม่มีสัญญาณเตือน แต่ส่งผลเสียร้ายแรงในระยะยาว ซึ่งอันตรายหลักๆ ของไขมันในเลือดสูงได้แก่

  1. หลอดเลือดแข็งและตีบ (Atherosclerosis)
    เมื่อไขมันเลว (LDL) สะสมตามผนังหลอดเลือด จะเกิดคราบไขมันที่ทำให้หลอดเลือดเสียความยืดหยุ่น ตีบแคบลงเรื่อยๆ การไหลเวียนของเลือดจึงติดขัด นำไปสู่โรคเรื้อรังหลายชนิดโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับหัวใจและสมอง
  2. โรคหัวใจขาดเลือดและหัวใจวาย
    เมื่อหลอดเลือดที่เลี้ยงหัวใจตีบหรืออุดตัน จะทำให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่พอ เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน (Heart Attack) ซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตทันทีหรือมีภาวะหัวใจล้มเหลวเรื้อรังตามมา
  3. โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)
    ไขมันในเลือดสูงมีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดลิ่มเลือดและหลอดเลือดตีบในสมอง ซึ่งอาจทำให้เกิดอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือถึงขั้นเสียชีวิตแบบกะทันหัน ผู้ที่มีไขมันสูงแต่ไม่ดูแลตนเองจึงตกอยู่ในความเสี่ยงมาก
  4. ภาวะไขมันพอกตับ (Fatty Liver)
    โดยเฉพาะในผู้ที่มีไตรกลีเซอไรด์สูง ไขมันจะสะสมในเซลล์ตับ ทำให้เกิด “ไขมันพอกตับ” ที่ดูเหมือนไม่อันตราย แต่หากปล่อยไว้อาจพัฒนาเป็น “ตับอักเสบ” “พังผืดในตับ” และสุดท้ายคือ “ตับแข็ง”
  5. โรคเบาหวาน ความดัน และกลุ่มอาการเมตาบอลิก
    ภาวะไขมันสูงมักมาเป็น “แพ็กเกจ” ร่วมกับน้ำตาลสูง ความดันสูง และภาวะอ้วนลงพุง ทำให้เกิด “กลุ่มอาการเมตาบอลิก” ซึ่งเป็นกลุ่มโรคเรื้อรังที่เสี่ยงต่อการเสียชีวิตสูงในผู้สูงอายุไทย
🚨 ความน่ากลัวของไขมันในเลือดสูงไม่ใช่แค่อาการเฉียบพลัน แต่เป็นเพราะมันค่อยๆ ทำลายหลอดเลือดทั่วร่างกายตลอดเวลา แม้จะไม่มีอาการเลยก็ตาม

เช็คความเสี่ยงไขมันในเลือดสูง

อย่ารอให้เจ็บหนัก! สังเกตให้ดี…อาการบางอย่างที่หลายคนมองข้าม อาจเป็นเสียงเตือนล่วงหน้าจากร่างกายว่าค่าไขมันในเลือดของคุณ “เริ่มพุ่ง”

4 สัญญาณ(ไม่ลับ) ที่ร่างกายกำลังบอกว่า "คุณอาจมีไขมันในเลือดสูง
  1. มึนหัว วิงเวียนบ่อยโดยไม่มีสาเหตุ
    อาการมึนงง วิงเวียนศีรษะแบบเฉียบพลันหรือเรื้อรัง แม้จะไม่ได้เป็นบ่อยๆ จนถึงขั้นหน้ามืด อาจเป็นสัญญาณว่า สมองได้รับเลือดไปเลี้ยงไม่เพียงพอ ซึ่งเกิดจากภาวะ หลอดเลือดตีบหรือเลือดไหลเวียนไม่คล่อง อันมีสาเหตุมาจากไขมันในเลือด โดยเฉพาะ ไขมันเลว (LDL) ที่ไปเกาะผนังหลอดเลือด ทำให้สมองขาดออกซิเจนในบางช่วง ซึ่งหากปล่อยไว้ อาจเสี่ยงถึงขั้น หลอดเลือดสมองตีบ/แตก หรือ "อัมพฤกษ์ อัมพาต" ได้ในอนาคต

  2. น้ำหนักขึ้นเร็ว ผิดปกติ ทั้งที่กินเท่าเดิม
    น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นรวดเร็ว หรือรู้สึกว่า “แค่กินนิดเดียวก็อ้วนขึ้น” เป็นผลโดยตรงของระบบเผาผลาญที่เริ่มแปรปรวน ซึ่งมักมาพร้อมกับการสะสมไขมันในเลือดสูง โดยเฉพาะ ไขมันไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) ที่เพิ่มขึ้นจากพลังงานส่วนเกินที่ร่างกายเผาไม่ทัน
    • คนที่มีรอบเอวเกินมาตรฐาน (ชายมาากว่า 90 ซม., หญิงมากกว่า 80 ซม.)
    • น้ำหนักขึ้นเร็วในวัย 30–50 ปี
    • อ้วนลงพุง ไขมันสะสมที่หน้าท้อง
    สิ่งเหล่านี้เชื่อมโยงโดยตรงกับ กลุ่มอาการเมตาบอลิก และภาวะไขมันในเลือดสูง

  3. เหนื่อยง่าย ใจสั่น หัวใจเต้นแรงกว่าปกติ
    อาการ “เหนื่อยง่ายผิดปกติ” แม้เพียงเดินขึ้นบันได หรือทำกิจกรรมเบาๆ ร่วมกับรู้สึกใจสั่นหรือหัวใจเต้นแรงโดยไม่ทราบสาเหตุ เป็นสิ่งที่ควรเฝ้าระวังอย่างมาก
    สิ่งที่เกิดขึ้นคือ หัวใจต้อง “ทำงานหนักขึ้น” เพราะหลอดเลือดเริ่มตีบ เลือดไหลผ่านได้ยาก จึงต้องเพิ่มแรงดันเพื่อส่งเลือดไปยังอวัยวะต่างๆ ซึ่งภาวะนี้เกิดขึ้นจาก ไขมันเลวที่เกาะตามผนังหลอดเลือด หากปล่อยไว้นานอาจพัฒนาเป็น โรคหัวใจขาดเลือด หรือ หัวใจวายเฉียบพลันบางรายอาจรู้สึกแน่นหน้าอก หรือใจหวิวร่วมด้วย เป็นอาการที่ไม่ควรละเลยเด็ดขาด

  4. ตรวจเลือดแล้วพบคอเลสเตอรอลสูง
    หากคุณเคยตรวจสุขภาพแล้วพบว่า
    • LDL (ไขมันเลว) สูงกว่า 130 mg/dL
    • Triglyceride สูงกว่า 150 mg/dL
    • HDL (ไขมันดี) ต่ำกว่า 40 mg/dL ในผู้ชาย หรือต่ำกว่า 50 mg/dL ในผู้หญิง
    • หรือ Total Cholesterol เกิน 200 mg/dL
    นั่นหมายความว่า คุณกำลังก้าวเข้าสู่ภาวะไขมันในเลือดสูงแล้วเรียบร้อย!แม้จะไม่มีอาการใดๆ แต่ระดับไขมันในเลือดที่ผิดปกติ จะส่งผลสะสมอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มความเสี่ยงโรคหลอดเลือด หัวใจ สมอง และตับ

พฤติกรรมเสี่ยงที่ก่อให้เกิดไขมันในเลือดสูง

ไขมันในเลือดสูงไม่ใช่กรรมพันธุ์เสมอไป แต่อาจเกิดจากพฤติกรรมใกล้ตัวที่ทำซ้ำๆ ทุกวันโดยไม่ทันรู้ตัว

5 พฤติกรรม(เสี่ยง)ที่ทำให้คุณมี “ไขมันในเลือดสูง” โดยไม่รู้ตัว
  1. รับประทานอาหารที่มีไขมันสูง
    อาหารทอด ของมัน หนังสัตว์ ชีส เนย และเครื่องใน ล้วนเต็มไปด้วย ไขมันอิ่มตัว (Saturated fat) และ ไขมันทรานส์ (Trans fat) ซึ่งเป็นตัวร้ายหลักที่ทำให้ระดับ LDL (ไขมันเลว) ในเลือดสูงขึ้น และส่งผลให้หลอดเลือดตีบตันเร็วขึ้น
    นอกจากนี้ อาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอก แฮม เบคอน ขนมอบกรอบๆ มักใส่น้ำมันพืชที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจน ซึ่งเป็นแหล่งไขมันทรานส์แฝงที่ร้ายแรงกว่าที่คิด

  2. บริโภคน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป
    การทานของหวานจัด ขนมหวาน น้ำอัดลม ข้าวขาว ขนมปัง หรือเส้นก๋วยเตี๋ยวในปริมาณมากเกินไป จะทำให้ร่างกายมีพลังงานส่วนเกินซึ่งจะถูกเปลี่ยนเป็น ไขมันไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) สะสมในเลือด
    น้ำตาลฟรุกโตสจากเครื่องดื่มหวาน หรือขนมแปรรูป ยังเป็นตัวการสำคัญที่ไปกระตุ้นตับให้สร้างไขมันมากขึ้น และยังทำให้ HDL (ไขมันดี) ลดลงอีกด้วย

  3. สูบบุหรี่จัด
    บุหรี่ไม่ได้ทำลายแค่ปอด แต่ยังเป็นตัวทำลายหลอดเลือดอย่างเงียบๆ โดย สารพิษจากควันบุหรี่ (เช่น นิโคติน) จะไปทำให้ผนังหลอดเลือดเกิดการอักเสบ และเร่งกระบวนการสะสมไขมัน
    นอกจากนี้ยังพบว่า การสูบบุหรี่ทำให้ระดับ HDL (ไขมันดี) ลดลง ทำให้ไขมันเลวสะสมง่ายขึ้น ส่งผลต่อระบบการไหลเวียนเลือด และเพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจมากกว่า 2 เท่าในผู้สูบเป็นประจำ
      ผลเสียจากบุหรี่ที่เกี่ยวกับไขมันในเลือด
    • เพิ่ม LDL
    • ลด HDL
    • ทำลายผนังหลอดเลือด
    • กระตุ้นการแข็งตัวของเลือด (ลิ่มเลือด)

  4. ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
    การดื่มแอลกอฮอล์บ่อยครั้ง หรือในปริมาณมาก ไม่เพียงแต่ทำให้ตับทำงานหนัก แต่ยังส่งผลต่อระดับไขมันในเลือดโดยตรง โดยเฉพาะ Triglyceride
    เมื่อแอลกอฮอล์เข้าสู่ร่างกาย จะถูกเปลี่ยนเป็นสารที่กระตุ้นให้ตับผลิตไขมันมากขึ้น และยับยั้งการเผาผลาญไขมัน ส่งผลให้ไขมันสะสมในกระแสเลือดและในตับ (ไขมันพอกตับ)
  5. ขาดการออกกำลังกาย
    การนั่งทำงานนานๆ โดยไม่มีการเคลื่อนไหว หรือใช้ชีวิตแบบ “อยู่เฉยๆ” ส่งผลโดยตรงต่อ ระบบเผาผลาญไขมันในร่างกาย ลดการทำงานของเอนไซม์ที่ช่วยสลายไขมัน และทำให้ระดับ HDL ต่ำลง
    การไม่ออกกำลังกายยังเร่งการสะสมของไขมันหน้าท้อง และไขมันในกระแสเลือดโดยไม่รู้ตัว ยิ่งอายุมาก ระบบเผาผลาญยิ่งช้าลง
      การเคลื่อนไหวเป็นประจำช่วย
    • เพิ่ม HDL (ไขมันดี)
    • ลด Triglyceride
    • ควบคุมน้ำหนัก
    • ลดความดันโลหิต