สารสกัดจากงาดำอุดมไปด้วยสารเซซามิน ซึ่งมีคุณสมบัติเสริมสร้างการทำงานของร่างกายหลายด้าน ช่วยปรับสมดุลของระดับไขมันในเลือด ลดการสะสมของคอเลสเตอรอล และป้องกันหลอดเลือดอุดตัน ทั้งยังช่วยลดการอักเสบ ส่งเสริมการสร้างกระดูกและฟื้นฟูตับจากความเสียหาย นอกจากนี้ สารสกัดยังช่วยป้องกันการเสื่อมของเซลล์สมอง เสริมความจำ และต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยชะลอความเสื่อมของร่างกายและลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง
ช่วยบำรุงสมองและระบบประสาท
งาดำและสารสกัดจากงาดำมีกรดไขมันโอเมก้า-3, โอเมก้า-6 และโอเมก้า-9 ซึ่งมีส่วนสำคัญในการบำรุงสมองและระบบประสาท กรดไขมันเหล่านี้ช่วยเสริมสร้างเซลล์สมอง ช่วยส่งเสริมการทำงานของเส้นประสาท รวมทั้งช่วยป้องกันการเกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับความเสื่อมของระบบประสาท เช่น โรคอัลไซเมอร์ นอกจากนี้ งาดำยังมีสารเซซามิน (Sesamin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์สมองจากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบและการสึกหรอของเซลล์สมอง ซึ่งมีผลในการเสริมสร้างความจำและสมาธิได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ช่วยลดระดับไขมันและคอเลสเตอรอลในเลือด
สารเซซามินในงาดำมีบทบาทสำคัญในการลดระดับไขมันในเลือดโดยเฉพาะไขมันชนิดเลว (LDL) และคอเลสเตอรอล ซึ่งเป็นปัจจัยที่นำไปสู่การเกิดโรคหลอดเลือดและหัวใจ งาดำยังมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่ช่วยเพิ่มระดับไขมันชนิดดี (HDL) ในร่างกาย การบริโภคงาดำเป็นประจำสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ หลอดเลือดอุดตัน และลดความดันโลหิต นอกจากนี้ การลดระดับคอเลสเตอรอลยังส่งผลต่อการป้องกันการสะสมของไขมันในหลอดเลือดที่เป็นสาเหตุของหลอดเลือดตีบตัน
ช่วยลดระดับความดันโลหิตสูง
งาดำและสารสกัดจากงาดำมีสารต้านอนุมูลอิสระและเซซามินที่ช่วยขยายหลอดเลือด ลดความต้านทานของหลอดเลือด และช่วยลดระดับความดันโลหิต การบริโภคงาดำช่วยให้หลอดเลือดยืดหยุ่นมากขึ้น ลดการสะสมของไขมันในหลอดเลือด และป้องกันไม่ให้เกิดความดันโลหิตสูงที่อาจนำไปสู่โรคหัวใจและหลอดเลือด นอกจากนี้ยังช่วยส่งเสริมการไหลเวียนของเลือด ทำให้ระบบหัวใจและหลอดเลือดทำงานได้ดีขึ้น
ช่วยเสริมสร้างกระดูกและป้องกันกระดูกพรุน
งาดำเป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยแคลเซียม แมกนีเซียม และฟอสฟอรัส ซึ่งเป็นสารอาหารที่สำคัญต่อการเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง การบริโภคงาดำอย่างต่อเนื่องจะช่วยเสริมสร้างมวลกระดูก ทำให้กระดูกแข็งแรง และลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกพรุนที่มักเกิดขึ้นในผู้สูงอายุ นอกจากนี้ สารเซซามินในงาดำยังช่วยยับยั้งการสลายตัวของเซลล์กระดูก ช่วยให้กระดูกมีความหนาแน่นและป้องกันการสูญเสียแคลเซียมออกจากร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ช่วยฟื้นฟูและบำรุงตับ
ตับเป็นอวัยวะที่สำคัญในการกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย สารเซซามินในงาดำมีคุณสมบัติช่วยลดการสะสมของไขมันในตับ ลดการอักเสบ และป้องกันการเกิดโรคตับแข็งหรือโรคไขมันพอกตับ นอกจากนี้ สารต้านอนุมูลอิสระในงาดำยังช่วยฟื้นฟูเซลล์ตับที่ถูกทำลายจากสารพิษหรือการทำงานหนักเกินไป ทำให้ตับสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้ร่างกายมีสุขภาพที่ดีและลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคตับต่างๆ
ช่วยต้านการอักเสบ
สารเซซามินและสารประกอบฟีนอลในงาดำมีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบ ซึ่งมีประโยชน์ต่อการลดอาการอักเสบภายในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการอักเสบที่เกิดจากโรคข้อเสื่อม โรคเกาต์ หรือโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน การบริโภคงาดำสามารถช่วยลดอาการปวด บวม และการอักเสบของข้อ รวมถึงช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ร่างกายสามารถฟื้นตัวจากการบาดเจ็บหรือการเจ็บป่วยได้เร็วขึ้น
ช่วยต้านอนุมูลอิสระและคงความอ่อนเยาว์
สารต้านอนุมูลอิสระในงาดำ เช่น สารเซซามินและวิตามินอี มีบทบาทสำคัญในการปกป้องเซลล์ร่างกายจากการถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดริ้วรอยและความเสื่อมของเซลล์ การบริโภคงาดำเป็นประจำช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยและป้องกันการเกิดความเสื่อมของเซลล์ต่างๆ ทำให้ผิวพรรณดูอ่อนเยาว์และกระจ่างใส นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงสุขภาพผมและเล็บให้แข็งแรง ป้องกันการหลุดร่วงของผมและผมแตกปลาย
ช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด
การบริโภคงาดำช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด เนื่องจากสารเซซามินและสารต้านอนุมูลอิสระในงาดำมีคุณสมบัติในการลดการสะสมของไขมันในหลอดเลือด ลดการอุดตันของหลอดเลือด และช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด การป้องกันการเกิดไขมันพอกหลอดเลือดยังช่วยให้การไหลเวียนของเลือดเป็นปกติ และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจขาดเลือด หัวใจวาย และหลอดเลือดสมองตีบตันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง
สารเซซามินในงาดำมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็ง โดยช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งและลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งชนิดต่างๆ เช่น มะเร็งตับ มะเร็งปอด และมะเร็งเต้านม นอกจากนี้ การบริโภคงาดำยังช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ทำให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับการเกิดเซลล์ผิดปกติและลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ